วิตามินซี หรือ L-Ascorbic acid
แอสคอร์บิก หรือ L-Ascorbic acid ชอบอยู่ในสภาวะที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่าหรือประมาณ 3.5) ดังนั้น หากเจอสภาวะที่เป็นกลางหรือด่าง แอสคอร์บิกก็จะเปลี่ยนสภาพหรือไม่มีความเสถียร จึงมีการพัฒนาวิตามินซีเป็นอนุพันธ์ชนิดต่างๆ
1. SAP (Sodium Ascorbic Phosphate)
SAP ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี สามารถต้านการเกิดสิว และมีความคงตัวดีเมื่อเก็บในภาชนะปิดสนิทในอุณหภูมิห้อง
2. MAP (Magnesium Ascorbic Phosphate)
ข้อดีคือ มีความอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากมันสามารถคงตัวใน pH ปกติ (ประมาณ 7) จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย ไวกับกรด
จะเห็นของวิตามินซีชนิดนี้ได้ในครีม โลชั่น หรือแม้กระทั่งแป้ง
3. Ascorbyl 6 Palmitate
มีความคงตัวกว่า L-Ascorbic acid เพียงเล็กน้อย และต้านอนุมูลอิสระและไม่ได้ช่วยลดเม็ดสี แต่ Ascorbyl 6 Palmitate สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
4. Ascorbyl Glucoside (AA2G)
มีความคงตัวมากและยังซึมเข้าสู่ผิวได้ดี มีประสิทธิภาพที่ช่วยได้ทั้งต้านอนุมูลอิสระ ลดเม็ดสี และกระตั้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
5. Ascorbyl Tetraisopalmitate
เป็นอนุพันธ์ที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีและซึมลึกกว่าอนุพันธ์อื่น ข้อดีคือประสิทธิภาพให้ความขาวใสสูงกว่าปกติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
6. Ascorbyl 2 photphate 6 palmitate (Apprecier/APP5)
ผลิตที่ญี่ปุ่น มีความเสถียรมาก ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ลดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังได้ดี แต่ไม่มีรายงานการต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
7. 3-O Ethyl Ascorbic
มีความเสถียรและทนความร้อนได้ดี มีประสิทธิภาพในการลดการสร้างเม็ดสีได้ดี แต่ยังไม่มีรายงงานว่า 3-O Ethyl Ascorbic สามารถต้านอนุมูลอิสระและกระตุนการสร้างคอลลาเจนได้